ชีวิตมีหลายสิ่งที่น่าสนใจ



love is the flower for which love is the honey : victor hugo

วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

พ่อ

เดือนธันวาปีนี้มันแปลกระคนเศร้า ได้รับข่าวร้าย
ว่าพ่อได้เสียไปแล้วเมื่อสามปีที่แล้ว....โดยเราเพิ่งจะรู้
พ่อผู้แยกชีวิตไปอยู่กับครอบครัวใหม่..ตั้งแต่เราอายุได้หก-เจ็ดขวบ
คำว่าทิ้งเลย...นั้นคงจะใช้ได้สำหรับเหตุนี้
ผ่านเวลามาพ่อทำได้เพียงส่งจดหมายมาบอกเล่าเรื่องราว
และคำว่ารักที่เราได้รับก็ผ่านตัวหนังสือในจดหมายนั้น
ภาพความหลังที่เราจำพ่อได้ก็เพียง เราขี่คอพ่อกลับบ้าน
หลังจากพากันไปเยี่ยมแม่ที่เพิ่งคลอดน้องสาวของเรา
กับอีกเรื่องที่เราต้องคอยวิ่งไปซื้อบุหรี่ให้พ่อ"สามิตร สิบสี่ซองนึงครับ"
และคำคืนที่เรากำลังนอนหลับ พอพ่อกลับมาดึกแค่ไหนก็จะมาปลุกเราขึ้นมาเล่น มาหอมแก้ม
เท่านั้นจริงๆ
ช่วงวัยนึงก็น้อยใจในโชคชะตา ที่เรามีน้อยกว่าคนอื่น
ได้แต่เก็บแรงกดดันนั้นเอาเป็นพลังว่าชีวิตนี้ต้องเอาดีให้ได้

และ เมื่อมีหน้าที่ เราก็จะทำหน้าที่พ่อให้ดีทุกเวลา ทุกโอกาส

ผ่านไปผ่านมานานเท่านานก็ไม่เคยได้รับข่าวกันเลย

จนวันนี้ที่ได้ทราบข่าว.....ก็ใจหายนะ

ถึงแม้ว่าพ่อจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจยังไงกับชีวิตของผม

อยากบอกให้พ่อรู้เสมอ.......ทุกครั้งที่พ่อใช้ผม....

ผมดีใจและภูมิใจที่ได้ไปวิ่งซื้อบุหรี่ให้พ่อนะครับ


วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พูดเอาใจ พูดสร้างพลังใจ วิเคราะห์ลึกซึ้ง กับ วิถีนายทัพที่ดี

สมัย สามก๊ก. โจโฉ ตั้งมั่นอยู่เมือง ฮูโต๋.. อ้วนเสี้ยวแห่งเมือง กิจิ๋ว..
คิดจะปราบโจโฉ จึงมีหนังสือถึงโจโฉอ้างเหตุว่าจะยกกองทัพ ไปตี ....
กองซุนจ้าน  ที่เมือง ปักเป๋ง. ให้โจโฉ ยกทหาร และเสบียง มาช่วย มิฉะนั้น
จะยกไปตี เมือง ฮูโต๋ แทน...........

เมื่อโจโฉทราบเรื่องก็ให้แค้นอ้วนเสี้ยว เป็นอันมาก คิดจะยกทัพไปตี กิจิ๋ว. จับอ้วนเสี้ยวฆ่าให้หายแค้น.. แต่เกรงว่า ทหารตนมีน้อยคิดลังเล.จึงปรึกษากุยแก. บุ๋นคนสนิท.............






กุยแก จึงว่า  ท่านจะชนะ สิบประการคือ.
ท่านมิได้ถือตัวกระทำการใดถึงผู้น้อยจะขัดท่านว่า ผิด-ชอบ.ท่านก็เห็นด้วย  ประการหนึ่ง..
ท่านมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อคนทั้งปวง ประการหนึ่ง.
ท่านจะว่ากล่าวประการใด ก็สิทธิ์ขาดคนทั้งปวงยำเกรง  ประการหนึ่ง..
ใจท่านรักทหารโดยยุติธรรม ถึงญาติพี่น้องกระทำผิด ท่านก็ว่าไปโดยสุจริต ประการหนึ่ง..
ท่านจะคิดการใดเห็นเป็นความชอบ ก็ตั้งใจทำไปจนสำเร็จ ประการหนึ่ง..
ท่านจะรักผู้ใด ก็รักโดยสุจริตไม่ล่อลวง ประการหนึ่ง..
ท่านเลี้ยงทหารที่ อยู่ใกล้  หรืออยู่ไกล เสมอกัน ....
ท่านคิดการหนักหน่วงแน่นอน แล้วจึงทำ ประการหนึ่ง..
ท่านทำการสิ่งใด ก็ยึดแบบแผน ขนบธรรมเนียมโบราณ ประการหนึ่ง..
จะมีชัยชนะ สิบประการ..อ้วนเสี้ยวนั้น จะแพ้ท่าน สิบประการ........
ท่านชำนาญในการสงครามถึงกำลังศึกมากกว่าท่านก็เอาชนะได้  เป็น สิบประการ ฉะนี้......








โจโฉ ได้ฟังจึงถาม กุยแก.ว่า  อันเราจะชนะ สิบประการ  แล อ้วนเสี้ยว
จะแพ้ สิบประการ  นั้น  ฉันใด  โปรดสาธยาย ให้เราแจ้ง........

กุยแก จึงว่าต่อไปว่า
ฝ่าย อ้วนเสี้ยว. จะแพ้ท่าน สิบประการ คือ..
อ้วนเสี้ยว เป็นคนหยิ่งยโส ถือความคิดตนเป็นใหญ่ ประการหนึ่ง..
อ้วนเสี้ยวเป็นคนหยาบทำการโดยโวหาร.ประการหนึ่ง..
อ้วนเสี้ยวจะว่าการสิ่งใด มิได้สิทธิ์ขาด ประการหนึ่ง..
อ้วนเสี้ยวเห็นแก่ญาติพี่น้องของตัว มิได้ว่ากล่าว เป็นผิด.เป็นชอบ ประการหนึ่ง.
อ้วนเสี้ยว เป็น ต่อหน้าว่ารัก  ลับหลังว่าชัง .ประการหนึ่ง..
อ้วนเสี้ยวมักรักคนสนิทใกล้ชิด ผู้ใดห่างเหินถึงซื่อสัตย์ ก็ไม่ใส่ใจ ประการหนึ่ง..
อ้วนเสี้ยวกระทำผิดเพราะฟังคำยุยงเสมอ ๆ ประการหนึ่ง..
อ้วนเสี้ยวกระทำการใด มักเอาแต่ใจตนประการหนึ่ง..
อ้วนเสี้ยวมิได้รู้ใน กลศึก.มักทำศึกแบบล่อลวง จะชนะหรือแพ้ก็ไม่รู้. ประการหนึ่ง.......

โจโฉ เมื่อฟังจบ ก็หัวเราะ 

ท่านเป็นโจโฉ หรือ อ้วนเสี้ยว หรือ ท่านมีคนอย่าง กุยแก อยู่ข้างๆ

ประวัติ กุยแก



วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

นิยามนี้


ไอ้ที่ไม่ได้อยากจะเจอ...ก็เจอะเจอมันอยู่ประจำ ดั่งคำที่ว่ายิ่งเกลียดนัก ยิ่งเจอ
ทำดีแล้วไม่ค่อยจะได้ดี สงสัยหวังมากไป ทางธรรมเขาให้เราหวังบ้างไหมหนอ
เดี๋ยวนี้หน้าแก่มากขึ้น.......จนกู่ไม่กลับ....สังขารคนอย่างเรา.....ละเหี่ยใจ
ถ้าคนเราสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เราก็จะไม่ทำอะไรผิดพลาดกันได้เลย....และกฏแห่งกรรมจะไม่จำเป็นอีก ต่อไป
นั่งดูใบไม้มันไหวไปมา แปลกใจไม่มีลม แต่มันไหวได้ไง..รึว่า
หมอไม่ให้ดื่มน้ำ หรือ ทานอะไร ช่วงเวลานั้นคิดถึง แตงโมฉ่ำๆเย็นๆที่สุด
นั่งดูข่าว ทำร้ายลูกจ้างเด็กหญิงกระเหรี่ยง ยุคของคนกินคนกำลังจะมาถึง
ตามทฤษฏีของไอสไตน์ เมื่อความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสง เวลาจะเป็นศูนย์
คนที่มีความสุขที่สุดไม่ใช่คนที่มีทุกอย่างดีที่สุด แต่เป็นคนที่ทำทุกอย่าง อย่างดีที่สุด

กำลังออกแบบชีวิตใหม่


ผู้ใด เพลิดเพลินอยู่ ใน รูป

ผู้นั้น เท่ากับเพลิดเพลินอยู่ ใน สิ่งที่เป็นทุกข์...

ผู้ใด เพลิดเพลินอยู่ ใน เวทนา

ผู้นั้น เท่ากับเพลิดเพลินอยู่ ใน สิ่งที่เป็นทุกข์...

ผู้ใด เพลิดเพลินอยู่ ใน สัญญา

ผู้นั้น เท่ากับเพลิดเพลินอยู่ ใน สิ่งที่เป็นทุกข์...

ผู้ใด เพลิดเพลินอยู่ ใน สังขารทั้งหลาย

ผู้นั้น เท่ากับเพลิดเพลินอยู่ ใน สิ่งที่เป็นทุกข์...

ผู้ใด เพลิดเพลินอยู่ ใน วิญญาณ

ผู้นั้น เท่ากับเพลิดเพลินอยู่ ใน สิ่งที่เป็นทุกข์

ตถาคตกล่าวไว้ว่า

“ผู้ใด เพลิดเพลินอยู่ ใน สิ่งที่เป็นทุกข์

ผู้นั้น ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้.

อย่าเรียกร้องอะไร อะไรอีกเลย  ป่านฉะนี้แล้ว