ชีวิตมีหลายสิ่งที่น่าสนใจ



love is the flower for which love is the honey : victor hugo

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คิดบวก (Positive Thinking)




โลกใบนี้ มีมุมดีๆให้มอง แค่

* คนทุกคนมีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ เสมอ
* ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้...แต่ทุกปัญหาแก้ไขได้
* สิ่งร้ายๆ จะมาพร้อมกับสิ่งดีๆ เสมอ
* ความมืดในเวลากลางคืนมีแต่ 12 ชั่วโมง
* หลังฝนตกหนักแล้วฟ้าจะปลอดโปร่ง
* ของบางอย่างไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเรา
* ถนนบางสายไกลหน่อย แต่ก็ยังมีวันถึง
* ฝันร้ายเป็นแค่ความฝัน
* อุปสรรคทำให้ชีวิตมีสีสัน
* ความเจ็บปวดทำให้หัวใจแข็งแกร่ง
* ทุกๆอย่างมีระยะเวลาของมัน
* การร้องไห้ทำให้ดวงตาใสขึ้น
* ตัวเรายังไม่ได้อย่างใจเรา แล้วคนอื่นจะเป็นได้อย่างไร
* เมื่อมาถึงจุดที่หนักที่สุดแล้ว หลังจากนั้นทุกอย่างจะผ่อนคลายลงเรื่อยๆ
* มีไม่มากแต่ก็มีพอ
* ไม่มีเงินแต่ยังมีแรง
* ถ้าวิ่งที่ถึงเร็วขึ้น
* ถ้าค่อยๆเดิน จะไม่เหนื่อย
 
“พุทธวิธีควบคุมความคิด” ซึ่งเป็นกลยุทธ์พิชิตความคิดในด้านลบ
         ขั้นที่ ๑ เปลียนความคิด : เป็นไปในลักษณะที่ว่าหากเรื่องที่เราคิดอยู่นั้นมันยิ่งทำให้เกิดความเศร้า หมองหรือทัศนคติในทางลบ ให้รีบถอนความคิดเหล่านั้นทันทีแล้วเปลี่ยนความคิดไปในเรื่องที่ดีหรือทำให้ เกิดทัศนคติในด้านบวก เช่น หากว่าเรากำลังกลุ้มใจหรือเศร้าใจกับปัญหาน้ำท่วมที่กำลังเผชิญอยู่ทั้งทำ ให้ทรัพย์สินเสียหายหรือทำให้ตกงาน ก็ให้เปลี่ยนไปคิดถึงเรื่องอื่นในด้านตรงข้ามแทน เช่น เรายังโชคดีที่ยังมีทรัพย์สินเหลืออยู่ หรือคิดว่าก็ดีได้เปลี่ยนงานใหม่ซะทีเผื่อจะมีอะไรดี ๆ เข้ามาในชีวิตต่อจากนี้ก็เป็นได้

         ขั้นที่ ๒ พิจารณาโทษความคิด : หากว่าเราลองเปลี่ยนความคิดแล้วแต่พอไม่นานก็พาลกลับไปคิดเรื่องเศร้าหมอง เดิม ๆ อีก วนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป ท่านว่าวิธีแก้ก็คือให้พิจารณาถึงโทษทางความคิอนั้นเลย หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ในเมื่อวิ่งหนีแล้ว (ความคิด) มันยังไล่กวดตามติดเหมือนเงาตามตัว ก็สู้กับมันซะเลยโดยการหันมาใช้สติในการพิจารณาถึงโทษของความคิดที่ทำให้ เกิดทุกข์หรือความเศร้าหมองนั้นว่า หากเรามัวแต่จมปรักกับความคิดในด้านลบดังกล่าวนั้นแล้วมันมีประโยชน์หรือ เปล่า? เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไหม? หรือยิ่งทำให้หมดกำลังไปหรือเปล่า?
           การใช้สติพิจารณาถึงโทษดังกล่าวสุดท้ายทำให้เข้าใจว่าจิตใจที่คิดเช่นนั้น เกิดความรุ่มร้อน ไม่สบาย ไม่มีประโยชน์ แต่หากว่าไม่คิดเช่นนั้นแล้วจะรู้สึกเย็นใจ โปร่ง โล่ง สบาย

         ขั้นที่ ๓ ไม่ใส่ใจ (ให้เลิกคิด) : หากทั้งสองวิธียังไม่ได้ผล ท่านให้ถือเสียว่าปัญหาทางความคิดทางด้านลบที่กำลังเผชิญอยู่นั้นเป็นเพียง เรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องไร้สาระในชีวิตเมื่อเทียบกับเรื่องอื่น ๆ หรือคนอื่น ๆ ที่มีปัญหาเมือนเราแต่หนักหนาสาหัสกว่าเรา เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วก็จะก่อให้เกิดกำลังใจและเลิกใส่ใจในเรื่องที่คิด (ลบ) ดังกล่าวพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมีความหวังด้วยพลังจากความ เข้มแข็งทางจิตใจ
            
         ขั้นที่ ๔ ใคร่ครวญหาเหตุผล : การ ใคร่ครวญหาเหตุผลในเรื่องความคิด เป็นไปในลักษณะที่ว่าให้ตั้งสติเพื่อพิจารณาว่าทำไมเราต้องคิดเช่นนั้น? อะไรทำให้คิดเช่นนั้น? ซึ่งจะทำให้เราได้หยุดคิดพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน กินลึกลงไปถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดความคิดเช่นนั้นแล้วส่งผ่านต่อยอดไปยัง ผลที่จะตามมาหากว่ายังคิดเช่นนั้น  “การได้หยุดคิด ทำให้สติได้ติดเครื่องทำงานอีกครั้ง”
           
          ขั้นที่ ๕ ให้กัดฟันใช้ลิ้นกดเพดานให้แน่น : หากว่าทำตามลำดับที่ผ่านมาแล้วความคิดยังไม่หยุดนิ่ง ท่านให้ใช้ฟันกัดฟันให้แน่นแล้วเอาลิ้นกดเพดานไว้ แล้วความคิดก็จะหยุดเอง ข้อนี้คงจะเป็นเคล็ดให้เราเอาใจมาจดจ่อกับการที่เอาลิ้นกดเพดานไว้ คือการดึงสมาธินั้นเอง

         สิ่งสำคัญคือขอให้มีกำลังใจ อย่าสิ้นหวัง ตราบใดที่มีลมหายใจอยู่ ชีวิตย่อมมีความหวัง ถอนความคิดในด้านลบทีมีออกไปแล้วใส่ความคิดทางด้านบวกลงไปแทน เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เทพธิดาผ้าซิ่น....ใน I LIKE IT ของ ข้าพเจ้า

บทเพลงที่ฟังมานาน ครื้มอกครึ้มใจเวลาได้ที่(สมัยก่อนน่ะ)ก็แหกปากร้อง
ฟังแล้วนึกถึงท้องทุ่งมีสาวบ้านนายืนบนคันนา แก้มเปื้อนดินเป็นรอยจางๆ

version คุณ เสรี รุ่งสว่าง 

ว่างจากงานหว่านไถ จะร้อยมาลัยใบข้าว ห้อยคอสาวจำปา
เจ้าเป็นเทพธิดาของบ้านนาบ้านทุ่ง นุ่งผ้าถุงไทยเดิม
หน้าสวยด้วยแดดแรง แก้มแดงไม่แต่งเติม
เจ้าไม่เคยเห่อเหิมเติมต่อดินสอพอง

ช่างขยันงานเรือน มิแชเชือนหน้าที่ สิ่งที่ดีที่ควร
เฝ้าถนอนออมนวล หอมหวลชวนลมทุ่ง หนุ่มก็มุ่งหมายปอง
ค่ำลงก็เข้าเรือน ฟังแม่เตือนให้ไตร่ตรอง
หากมีชายหมายปอง ระวังเจอของเหลือเดน

*แม่ดอกบัวที่อยู่ในสระ จะบานคอยพระหรือบานคอยเณร
ถ้าบานคอยพี่ ไว้พรุ่งนี้ตอนเพล คอยได้ไหมคนดี

**พ่อเคยพูดหลายที คิดจะมีแม่บ้าน เชื่อโบราณดีแล
หากเลือกวัวดูหาง แม้เลือกนางดูแม่ นั่นแหละแน่เข้าที
บ้านเรือนสะอาดตา พูดจาเสนาะดี ตำน้ำพริกทุกที
เสียงดังถี่จนทุ่งสะเทือน

ที่ีจะไม่เข้าใจก็ตรงเนื้อท่อนที่ว่า
*แม่ดอกบัวที่อยู่ในสระ จะบานคอยพระหรือบานคอยเณร
ถ้าบานคอยพี่ ไว้พรุ่งนี้ตอนเพล คอยได้ไหมคนดี"
ว่าพระหรือเณรเกี่ยวกันยังไงกับสาวๆ
นอกนั้นฟังแล้วเห็นภาพจนชักจะหลงรักสาวบ้านนาเข้าเสียแล้ว
version ก๊อต จักรพรรณ

สมัยนี้คงไม่เห็นแล้วอย่างนี้
บทเพลงที่สอนสาวๆและบอกหนุ่มๆให้รู้วิธีเลือกแม่บ้านแม่เรือน
หาใช่ดูเอาแต่สวยๆเพียงเท่านั้น
แต่สวยแบบบ้านๆนี่ก็อาจจะทำให้หลงรักได้นานๆกว่าสวยมือหมอนะ
สวยแค่ไหนก็จีรังได้แค่ไม่นานแต่ถ้าใจสวยๆล่ะมันอยู่กันนานนะเออ


วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คำของแม่

เริ่มเดือนแห่งความรักด้วยรักของแม่
"กินข้าวรึยังลูก"   ได้ยินบ่อยมาก เกือบทุกวัน
"ขับรถดีๆนะลูก"  ทุกครั้งเลย ผสมกับ คำว่า "ขับรถช้าๆนะ" 
"อย่ากลับบ้านให้มันดึกนักนะลูก"  สมัยหนุ่มๆได้ยินบ่อย
"ไม่สบายน่ะกินยารึยัง"  ทุกครั้งที่ไม่สบาย
"เดินเหินให้ระวังหน่อย"  อันนี้ตอนเด็กๆ
"ไปดีมาดีนะลูก" คำนี้สมัยไปทำงานต่างถิ่น
"ให้เงินแม่เท่าไหร่ ขอให้ลูกได้รับคืนมาเป็นสิบๆเท่านะ"  ทุกเดือนชอบนะคำนี้
"พักผ่อนบ้างนะลูก" บางทีก็นั่งเล่นไปเรื่อยๆ จนดึกดื่น
"ไม่ต้องซื้อมาให้แม่ มันแพง" คราวหน้าถ้าแพงก็อย่าบอกจะได้สบายใจ ว่าแต่โกหกแม่นี่จะบาปมั้ย
"โตแค่ไหนก็ยังเป็นลูกแม่วันยังค่ำ" เวลาที่เรายุ่งๆแล้วเผลอไปบอกว่าไม่ต้องยุ่ง เจอเลยคำนี้
"ใช้เงินให้ระวังๆหน่อย เก็บเอาไว้บ้าง"  ชอบคิดว่าเราใช้เงินเก่ง
"ไม่ไหวก็กลับมาบ้านเราลูก"  เวลามาเล่าเรื่องงานว่ายุ่ง ว่าหนัก
"ไปวัดกับแม่มั้ย"  พักหลังๆชวนบ่อยๆ เราก็พยายามไปด้วยบ่อยๆ
"พระคุ้มครองนะลูก"  สาธุ
"ตั้งใจเรียนนะลูก"   ทุกครั้งที่ไปส่งที่โรงเรียน
"ไม่เป็นไร เอาใหม่"  ก่อนได้ยิน เรามักจะก้มหน้ามีน้ำตาคลอๆ
"ขวัญเอ้ย ขวัญมานะลูก"   ตกไม้ลื่น แม่วิ่งมาประคอง
"คนอื่นไม่รัก แต่แม่รัก"   รักของแม่จริงแท้และแน่นอนที่สุด(ยืนยัน)
"คราวหน้า ค่อยซื้อให้ ทำตัวดีๆ"  ร้องอยากได้ของเล่น แต่แม่ไม่มีเงินจะซื้อให้(มารู้ตอนโตแล้ว)
"ลูกฉันเอง ที่สอบได้ที่หนึ่ง"  แม่เรานี่ก็ขี้โม้เหมือนกันนะเนี่ย 
"อนาคตอยู่ที่ตัวเรานะลูก"   เรียน เรียน เรียน เข้าไป
"ลูกเคยเห็นเสือมันไปคุ้ยกองขยะมั้ย เวลามันหิวมันอดมันก็ไม่ทำไม่ไปขอใคร หากินเองไม่ไปแย่งใคร เดินไปไหนๆมันคำรามเบาๆ ใครก็เกรง
 เวลาเราอดเราก็ต้องอดเยี่ยงเสือนะลูก"   จำมาจนทุกวันนี้
" เอามานี่แม่ทำเอง"  แย่งงานเราทำซะงั้น
"แกะปลาให้เอามั้ย"   ตอนนี้แม่สายตาไม่ดี แต่ก็ยังพยายามแกะให้เราอยู่ ก้างเพียบ 5555
" โทร หาน้องบ้าง" เรามันแย่ในด้านความสัมพันธ์
"ค่อยๆทำไปเดี๋ยวก็เสร็จ"  นั่งทำการบ้านไปร้องไห้ไป มันเยอะเกิน
 
" เราต้องอดทน"  ทำให้เราไม่ต้องทนอด
"เวลา วารี ไม่คอยใครนะ" ไปสายประจำเลยเราตั้งแต่เด็กๆ
" เปิดเทป ชรินทร์ ให้แม่หน่อย "  เราเลยร้องได้เกือบทุกเพลง เพราะเปิดเกือบทุกเช้า
ไปซื้อผักชีต้นหอมให้แม่หน่อย"  สมัยก่อนสองบาทก็ซื้อได้

เท่าที่คิดได้นะเวลานี้ ถ้าคิดได้อีกจะเพิ่มเข้าไป บ้างคำได้ยินทุกวัน แปลกใจแม่ไม่เบื่อพูดเลย
แต่เราเองซิบางอารมณ์มีเบื่อไม่อยากฟัง แย่จริงๆเลย
"