ชีวิตมีหลายสิ่งที่น่าสนใจ



love is the flower for which love is the honey : victor hugo

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ภาพยนต์กับบางสิ่ง


“ในเจ็ดวัน พระเจ้าสร้างโลก ในเจ็ดวินาที ผมทำลายโลกของผม”
--เบน โธมัส จาก Seven Pounds
 
Seven Pounds เรื่องราวลึกลับลุ้นระทึกและเรื่องราวความรักที่น่าประหลาดใจ ได้ตั้งคำถามชวนคิดเกี่ยวกับชีวิตและความตาย ความเสียใจและการให้อภัย คนแปลกหน้าและมิตรภาพ ความรักและการไถ่บาป และถ่ายทอดเรื่องราวสายสัมพันธ์ที่ผูกพันชะตากรรมของมนุษย์เข้าไว้ด้วยกัน อย่างน่าประหลาด
ได้ดูเมื่อวาน เนื้อหาทีแรกดูไม่รู้เรื่องแบบดูไปทำงานไปไม่มีสมาธิจนมาถึงฉากที่พระเอกของ เรื่องตะโกนเย้ยหยันเซลล์แมนตาบอดแบบสะใจ ผมเลยคิดอยากรู้ นึกไปว่าอีกหน่อยคงเป็นเรื่องการแก้แค้นของคนตาบอด แต่ยิ่งดู(แรกๆ)ยิ่งสับสนพระเอกไปช่วยคนนั้นคนนี้เรื่อยๆ จนถึงบางอ้อเมื่อรู้ว่าพระเอกของเราพยายามจะชดใช้บาปที่เค้าทำให้คนตาย 7 คน เป็นบาปหนัก 7 ปอนด์ของเค้า......ผมจะไม่เน้นเนื้อหาของภาพยนต์เท่า ไหร่เพราะถ้าอยากรู้ก็ไปหามาดูกัน  แต่ผมสะกิดใจในเรื่องการให้โอกาส การกลับตัวกลับใจการแก้ไขสิ่งที่ผิด ผมว่ามันใช้ได้เสมอและมีค่าเสมอ เพียงแต่เมื่อไหร่ หลายคนจะใช้เมื่อเวลาใกล้ตาย อโหสิ แต่ถ้าเรายังมีเวลา มีโอกาส 
"การแก้ไขสิ่งผิดพลาดมันดีเสมอ แต่ใครจะคิดได้เมื่อไหร่ หรือ อาจจะไม่เคยคิดเลยตลอดชีวิตก็เป็นได้ "
 
“การจ่ายล่วงหน้า” หรือ “ทฤษฎีส่งต่อความดี”
 เรื่อง Pay It Forward

ซึ่งเป็นภาพยนต์ที่ดีมากๆ โดยเค้ากล่าวถึง การจ่ายล่วงหน้าหรือ ทฤษฎีส่งต่อความดีอันนั้นมันซึ้งกว่า   าพยนต์ เรื่องนี้ดำเนินเรื่องโดยเด็กน้อยวัย 11 นามว่า เทรเวอร์ และคุณครูประจำชั้นชื่อว่า ซิมโมเน็ท กับการบ้านวิชาสังคมศาสตร์ว่าด้วยเรื่อง การเปลี่ยนโลก (Change the World)”    จริงแล้วเป้าหมายของการบ้านอยู่ที่กระบวนการ ไม่ใช่ผลลัพท์ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่คุณครูใส่ใจและต้องการ คือการลงมือทำ ด้วยความคิดอันน้อยนิดของเด็กคนหนึ่งที่
เริ่มคิดจากการส่งต่อความดี ให้กับคน 3 คน และ 3 คนนั้น ก็ต้องส่งต่อความดีให้กับคนอีก 3 คน ส่งต่อกันไป โดยในเรื่องเด็กน้อยไม่เคยคิดหวังอะไรตอบแทน เขาเพียงแค่ต้องการให้โจทย์การบ้านของเค้าบรรลุเท่านั้น 
"ทุกๆวันนี้เรามีแต่อยากจะได้กันหมด แต่มีใครที่อยากจะให้กันบ้างมั้ย"

"ชีวิตนั้นแสนช่างงดงาม"
Life is beautiful
ีแรกเข้าใจว่าเป็นภาพยนต์ตลก ซึ่งจริงๆมันก็ตลกแต่เป็นตลกที่แฝง บางสิ่งซ่อนไว้   พระเอกชื่อกุยโด้ และ นางเอกชื่อลอร่า มีความน่ารักของคู่นี้ให้ดูประมาณครึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นการปูพื้นที่ยอดเยี่ยมครับ ทุกฉากส่งผลถึงกันอย่างลื่นไหล จนสุดท้ายนางเอกที่ไม่คู่ควรกับพระเอกเลยซักนิดก็ลงเอยด้วยกัน   "สวัสดีครับ เจ้าหญิง" ประโยคที่พระเอกให้ทักทายนางเอกเสมอ  กย่องเสมอ    จากการปูพื้นก็ทำให้ทราบไหวพริบของกุยโด้ ที่คิดไว และมุ่งมั่นสิ่งที่ทำมากทีเดียว  ทีนี้พอมีลูกชื่อโจชัวร์ ทุกอย่างที่มุ่งมั่นคือ ทำเพื่อลูก ไหวพริบทั้งหมด ความทุ่มเททั้งหมดเพื่อลูก และครอบครัวครับ  เป็นภาพยนต์ที่ให้กำลังใจดีมากเลยครับ ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายปานใด ตั้งสติครับ แล้วมุ่งสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ แม้ผลจะไม่ดีที่สุด แต่ทำเต็มที่แล้ว ย่อมได้ผลดีบ้างแหละ
"ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง"

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ถ่ายไปเรื่อยกับวัดยานนาวายามเย็น

สีสวยๆของพระสำเภาพระเจดีย์ วัดยานนาวา
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดถนนเจริญกรุง เขตยานนาวา เป็นวัดโบราณ มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา  เดิมมีนามว่า “ วัดคอกควาย” สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยตอนกลาง ราวๆสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง ในสมัยกรุงธนบุรี ( ประมาณ พ. ศ. ๒๓๑๙) พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “ วัดคอกกระบือ” และทรงสถาปนาเป็นพระอารามหลวงเพื่อเป็นที่สถิตของพระราชาคณะ 

 


พระเจดีย์ ที่อยู่บน พระสำเภา วัดยานนาวานั้น ยังเป็น รูปแบบสถาปัตยกรรม“ แบบขนบประเพณี” พระเจดีย์ แบบย่อมุมไม้สิบหก และ แบบย่อมุมไม้ยี่สิบ ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ ตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์  
 


 มุมแปลกๆใต้พระสำเภาพระเจดีย์  


ธรรมะ คือ คุณากร
 


ถ่ายจากโบสถ์ออกไปที่เจดีย์

เล่นกับไฟ แต่เป็นไฟธรรมมะ ไม่น่ากลัวครับ

ตักบาตรเหรียญสลึง
งานวัดกับชิงช้าสวรรค์แบบไทยๆ จำได้ในชีวิตขึ้นเพียงสามครั้งเอง

 


กงล้อชีวิตของคนจัดชิงช้าสวรรค์กับภาพด้านหลังซากของความเจริญที่ยังไม่แล้วเสร็จ หมุนกันไป


บุญ กับ ปัจจัย

ถนนหน้าวัดช่วงเย็นที่สีเร่งร้อน

สดสวย

เป็ดย่างสีแจ่มๆครับ

 ขายกระจาย


หลอดไฟยามเย็น
แสง สี ไฟ 


บรรยากาศท่าน้ำของวัดยามเย็น
ก่อนจะลาลับ    


แสงสุดท้าย

 
 
บังเอิญผ่านไปทำภาระกิจที่วัดยานนาวา แถมติดกล้องไปด้วยเลยได้ภาพมาประมาณนี้