ชีวิตมีหลายสิ่งที่น่าสนใจ



love is the flower for which love is the honey : victor hugo

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พุทธะ กับ ชาวพุทธ


โลกได้สร้างบทพิสูจน์ให้กับเราและท่านในหลายๆสภาวะ
บางเวลามันแสนจะทุกข์ยากเสียเหลือเกินจนทนไม่ไหว
บางเวลามันก็สุขจนแสนเสียดายไม่อยากให้เวลามันผ่านไป
แต่ทั้งนี้สุดท้ายเวลาก็ไม่เคยจะยอมปล่อยให้เราทุกข์จนแสนเข็ญหรือสุขจนล้นใจ
เวลาก็จะทวงถามและละเลยให้เราต้องผ่านสิ่งเหล่านี้ไป
เพียงระหว่างที่เรากำลังสุขหรือทุกข์อยู่นั้น
เรารับรู้ถึงสิ่งใดเอามาให้ระลึกถึงเพียงเพื่อไม่ประมาท
 
โลกสอนเราหลายๆอย่างเรารับรู้ได้หรือไม่
เพียงสุขก็สุขเพียงชั่วคราว เท่านั้น
ถึงทุกข์ให้ทุกข์สักเท่าไหร่ไม่นานก็จะผ่านไป
สำคัญที่สุขในใจเราจะให้หลงอยู่กับสิ่งใดสิ่งนั้นจนเหลิงและท่วมใจจนทุกข์ระทม
วันนี้ท่านสุขก็ให้รู้ว่าสุขนั้นไม่นาน
ถึงท่านทุกข์ก็ให้รู้และฝ่าไปให้พ้นเพราะไม่นานก็จะผ่านไป
หัดและเรียนรู้และอยู่ให้ได้ถึงจะเรียกว่าเราเป็นพุทธะที่แท้จริง

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต.....มากกว่าที่เป็น

สำหรับท่านผู้ที่รักการออกแบบ และ มีจิตใจสร้างสรรค์ บวกกับอีกหนึ่งใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คงจะพอรู้จักสถาปนิกหนุ่มไฟแรงท่านนี้  ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต ซึ่ง I Like iT ขอนำมาแอบนิยมในความสามารถของท่านไว้ ณ ที่นี้


ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต
การศึกษา
พ.ศ.2533: ปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (Architectural Studies) University of Washington
                 ปริญญาตรี ด้านการออกแบบภายใน (Interior Design) University of Washington
                 ปริญญาตรี การจัดการโครงสร้าง (Construction Management) University of Washington
พ.ศ.2534: ปริญญาโท สถาปัตยกรรมศาสตร์ University of Washington / Rheinish – Westfalishe Technische Hochschule,   Aachen
พ.ศ.2545: ปริญญาเอก สถาปัตยกรรม เทคโนโลยีการออกแบบ Massachusetts Institute of Technology(MIT)
GREEN DESIGN 
ดร.สิงห์ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เป็นที่รู้จักกันดีกับผลงานออกแบบและสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์และของแต่ง บ้านแบรนด์ Osisu ซึ่งล้วนทำมาจากวัสดุเหลือใช้ต่างๆ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า “ขยะ” นั่นเอง


ท่านว่า
“เริ่มต้นที่ทำเฟอร์นิเจอร์จากเศษวัสดุ เพราะเป็นสถาปนิกเลยได้เห็นเศษวัสดุจากงานก่อสร้าง อย่างเศษปูน เศษไม้ เศษเหล็ก ก็มาคิดว่าทำอย่างไรจะไม่ให้มีขยะออกไปจาก site งาน เพราะรู้สึกผิดที่เราทิ้งของดีๆพวกนี้ไป คือเศษวัสดุพวกนี้มันก็ยังเป็นของที่ไม่ได้เน่าเปื่อย เป็นของที่ยังดีๆ อยู่ เลยนำมาทำเป็นเก้าอี้ โต๊ะ เตียง เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ ทั้งหลาย” 

 ท่าน ยืนยันว่าไม่ได้นึกถึงเรื่องธุรกิจการค้า มากไปกว่าการหวังจะเผยแพร่แนวคิด ด้วยเหตุนี้แบรนด์ OSISU จึงพิสูจน์ตัว ด้วยการไม่เคยจดสิทธิบัตร เพราะไม่กลัวการลอกเลียนแบบ แต่กลับอยากให้ทุกผลิตภัณฑ์เป็นต้นแบบที่มีผู้นำไปพัฒนาต่อ 
ทุกวันนี้ท่านได้เปิดวิชาเรียน Scrap Lab ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นวิชาการออกแบบเศษวัสดุ เปิดสอนทั้งนักศึกษาปริญญาตรีและโท รวมทั้งบุคคลภายนอก หรือผู้ประกอบการก็มาร่วม workshop ด้วยได้ 
ท่านบอกต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา มนุษย์ทิ้งขยะแบบนี้กว่า 40 ล้านตันต่อปี ขยะบางชนิดต้องใช้เวลาเป็นพันๆ ปีกว่าจะย่อยสลายได้ บางชนิดยิ่งเผายิ่งสร้างมลพิษ ทุกอย่างกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมไปหมด ดังนั้น ท่าน จึงเกิดความคิดว่า หากสามารถนำขยะพวกนี้กลับมาสร้างเป็นชิ้นงานที่มีประโยชน์ต่อการใช้สอยได้ อีกครั้งก็คงจะดีไม่น้อย

แรงบันดาลใจ
"การสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆมีหลายวิธีมากครับ บ่อยครั้งเราคิดไม่ออก ทุกคนจะรู้ว่าเวลาผมไปไหนจะมีสมุดโน๊ตติดตัวเสมอ วิธีของผมง่ายๆก็คือ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเวลาไหน จะกี่โมงกี่ยาม มันจะถูกจดทันที พอถึงเวลาที่ผมคิดไม่ออก อาจจะตันเพราะแก่ ผมก็จะยังมีข้อมูลที่เซลล์สมองฉลาดๆคิดไว้ จดอยู่ในสมุดสเก็ตช์ตลอดเวลา คนอาจจะคิดว่าทำไมผมคิดได้ตลอดเวลา ที่จริงไม่ใช่ครับ พอคิดไม่ออกก็ไปเปิดดูในสมุดนี้ มันก็สิ่งที่สมองเราคิดมาก่อนแล้วทั้งนั้น นี่คือสิ่งที่ผมใช้ครับ"
แนวความคิดกับงานสถาปัตยกรรม 
ท่านได้ให้แนวคิดไว้น่าสนใจดีครับ

"สถาปัตย์เป็นงานที่สนุกนะครับ เพราะมันต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์จริงๆ คำว่าศาสตร์นี่คงเข้าใจล่ะ คือใช้เลข วิศวกรรม แต่ศิลป์เนี่ยสิ ศิลป์ไม่ใช่ความสวยงามอย่างเดียวนะครับ ศิลป์หมายถึงศิลปะการพูดก็ได้ ศิลปะการนำเสนองาน ศิลปะการแต่งกาย ทุกอย่าง บางทีถ้าเราแต่งตัวดีมาก แต่ลูกค้าเราคือการเคหะฯ นั่นคือความไม่ฉลาดของสถาปนิกคนนั้นด้วยซ้ำ เหมือนเราไม่เข้าใจเค้า แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเรามีลูกค้าเป็น ยี่ห้อแอร์เมส หรือหลุยส์วิตตอง แล้วคุณใส่ขาสั้นลากรองเท้าแตะเข้าไปก็ไม่เหมาะแน่นอน ถ้าลูกค้าให้งบคุณมาห้าร้อยล้าน จัดปาร์ตี้แค่สามสี่วัน ในฐานะนักออกแบบ exhibition ออกแบบอาคารของเขา มันเป็นศิลปะตั้งแต่ตัวเรา ไปจนถึงการพูดของเรา ผลงานของเรา กระบวนการคิดทั้งระบบคือความสนุกในสายตาของผม

แต่บางครั้ง ถ้าเราปรับเปลี่ยนตามลูกค้ามาก มันก็จะเหมือนหญิงบริการหรือชายบริการ คือเราไม่มีจุดยืนของเราเลย มันไม่ได้ คือเหมือนไปคอยรองรับอารมณ์คนอื่นตลอดมันไม่ได้ เราต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวให้เข้าใจในสถานการณ์นั้นๆ เพราะเราไม่ได้ขายบริการในลักษณะที่ไม่ใช่องค์ความรู้มาช่วย ถ้าเราเจอลูกค้าแล้วครับๆ ได้ครับอยู่ตลอดเวลา เราจะไม่มีความสนุกกับงานเลย"

บทส่งท้าย
ท่านไม่ได้เป็นแค่เพียงสถาปนิกเพียงเท่านั้น แนวความคิด การที่กล้าที่จะทำกล้าที่จะเปลี่ยน การนำเอาสิ่งที่หลายคนมองข้ามมาใช้ประโยชน์เท่าที่จะสามารถ อีกทั้งแนวทางการอนุรักษ์โลกที่ท่านทำ รู้สึกเป็นเกียรติในชีวิตเป็นอย่างยิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยได้สัมผัสมือกับท่าน ณ อุทยานการเรียนรู้ เมื่อท่านไปปาฐกถาในครั้งนั้น




วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

28 ข้อคิดในการใช้ชีวิตให้มันดีกว่า

มีอะไรดีๆก็อยากจะเก็บมา Like iT กัน  28ข้อคิดนี้ได้รับมาจากเพื่อนคนหนึ่งผ่านจาก Fw Mail อ่านดูแล้วอมยิ้มได้เสมอ และ ดูบางข้อนั้นช่วยให้โลกเป็นสุขได้เลยชอบ


1.อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะทั้งชีวิตเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้ ข้อนี้โหดร้ายมาก
2.เมื่อมีคนเล่าว่าเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญ จง เป็นผู้ฟังที่ดีอย่าไปคุยทับ อย่าไปขัดคอ ปล่อยเขา
3.จงตั้งใจฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น
4.หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ตามทางบ้างเพราะมีอะไรดีๆบางอย่างซ่อนอยู่ แบบว่าเราอาจจะมองข้ามไปทุกๆวันโดยไม่ทันรู้ตัว
5.จะคิดทำการใดจงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่ให้เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย อย่าไปเครียดเยอะ
6.หัดทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้ คิดดีทำดีอย่างจริงใจไม่หวังผล
7.จงจำไว้ว่า ข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น โลกไซเบอร์ล่ะตัวดี
8.เวลาเล่นเกมกับเด็กๆก็ปล่อยให้เด็กชนะไปเถอะ  เขาจะได้มีกำลังใจแต่อย่ายอมจนเหลิงล่ะเดี๋ยวจะไม่รู้จักโลก
9.ใครจะวิจารณ์เรายังงัยก็ตาม อย่าเสียเวลาไปโต้ตอบ แต่ให้ปรับปรุงตนเอง มองและคิดก่อนให้เห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่มีคนมาใส่ใจเรา
10.จงให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “สอง” แต่อย่าให้ถึง “สาม”มันมากเกินไปและคนที่เขารักเราจริงมันควรจะไม่ผิดกับเราบ่อยๆเกินไป
11.อย่าให้วิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานไม่มีความสุขก็ลาออกดีกว่าเพราะอย่างไรก็จะไม่เกิดผลดีใดๆ
12.ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วอะไรๆ มันก็ไม่สำคัญอย่างที่คิดไว้แต่แรกหรอกอันนี้เราเองต้องคิด
13.ใช้เวลาให้น้อยๆในการคิดว่า”ใครผิด” แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า”อะไร” เป็นสิ่งที่ผิดหาเหตุจะได้แก้ หาคนผิดมีแต่ยิ่งแย่
14.จงจำไว้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับ ” คนโหดร้าย ” แต่กำลังสู้กับ ” ความโหดร้าย ” ในตัวคน
15.โปรดคิด คิด คิด และคิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะให้เพื่อนเรามีภาระในการเก็บรักษาความลับเพราะมันยากเหลือเกินที่จะรักษา
16.ยอมที่จะแพ้ในสงครามย่อยๆ เมื่อการแพ้นั้นจะทำให้เราชนะในสงครามใหญ่
17.เป็นคนถ่อมตน จำไว้ว่าคนอื่นทำอะไรต่อมิอะไรสำเร็จกันมามากมายก่อนเราเกิดเสียอีกข้อนี้ใช่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
18.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายสักเพียงใด จงสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้ แต่จงพร้อมในจิตใจเสมอ
19.มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ สังคมไทยเป็นผู้น้อยต้องค่อยๆพนมกร
20.อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นต้องเบื่อหน่าย ถ้ามีใครมาถามว่า ” เป็นไง?” ตอบไปเลยว่า ” สบายมาก”
21.อย่าพูดว่าเรามีเวลาไม่พอ เพราะทุกคนในโลกก็มีเวลาวันละ 24 ชม.เท่ากันหัดใช่หัดดูว่าอะไรสำคัญกว่า
22.จงเป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้วถูกต้อง
23.ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานตนเอง ไม่ใช่มาตรฐานคนอื่นเพราะคนเรานั้นต่างกัน
24.จริงจัง และเคี่ยวเข็ญต่อตนเองให้มาก แต่จงอ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น
25.ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพโดยสุจริต ไม่ว่างานนั้นจะดูแย่แค่ไหนในสายตาคนรอบข้างค่าของคน
26.คำนึงถึงการมีชีวิตให้ ” กว้างขวาง ” มากกว่าการมีชีวิตเพื่อ ” ยืนยาว ”คงหมายถึงคุณค่าที่มีไม่ใช่แก่แบบไร้ค่าไปวันๆ
27.(บางครั้ง) อย่าไปหวังเลยว่าในชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม  โลกมันเศร้า
28.ว่ากันว่ามี 3 สิ่งที่ไม่ควรถูกทำให้แตกหรือทำลาย ได้แก่ ของเล่นเด็ก คำสัญญาและจิตใจของใครๆ ก็ตาม   เพิ่มอีกข้อ "รอยยิ้ม"