เราตื่นเช้าขึ้นมา ตาสองตามองไปทันทีข้างหน้า อาบน้ำแต่งตัว ขับรถไปทำงาน
บนถนน ใครปาดหน้าเริ่มด่าทั้งในใจ และด่าดังๆ มันขับรถยังไง
แต่ถ้าตัวเราเป็นคนปาดเขาบ้าง แซงเขาบ้าง คิดในใจ วันนี้มีเรารีบ วันนี้จะสายแล้ว
มองเห็นหรือเปล่าว่าไอ้ที่เราทำๆอยู่ ทุกวันนี้ เพราะอะไร ทำไมคนอื่นมันเลว แล้วเราดีอยู่คนเดียว
คนที่เรารักมากที่สุดคือใคร
คำตอบคือเรารักตัวเองที่ สุด เราดีที่สุด ครอบครัวเรา เพื่อนที่ดีรองลงมา
สังคมมันถึงวุ่นวาย เพราะแต่ละคนรักตัวเอง ซึ่งไม่แปลกหรอก
แต่ที่แปลกคือเราคิดว่าเราน่ะดี แต่คนอื่นเลว
เพราะความไม่รู้ ในธรรมดาของตัวเอง แล้วจะไปเข้าใจธรรมดาของคนอื่นได้ไง
คนไทยเกิดมาทันทีนับถือพุทธนะครับ แต่พระพุทธเจ้าสอนเรื่องอะไรไม่รู้ครับ วันวิสาขบูชารู้แค่ดีจังได้หยุดสบาย
เมืองไทยไม่ใช่เมืองที่คนนับถือพุทธมาก แต่เป็นเมืองที่พิมพ์ในบัตรประชาชนว่านับถือศาสนาพุทธมากที่สุด
สิ่งที่ประหลาดที่สุดคือ พอมารู้ กายกับใจตัวเองอย่างถ่องแท้
กลับพบว่าเหมือนกัน เรากับคน อื่นเหมือนกัน มีกิเลส ตัณหาความอยาก ความยึดมั่น ทำให้ไปทำกรรมทาง ใจ
แล้วแสดงออกทางกายวาจา แล้วเกิดวิบากผล ของกรรม มีเหตุปัจจัยอย่างนี้ทำให้เกิดผลอย่างนี้
เครื่องมือที่รู้ กายกับใจคือสติ สติจะเกิดจากจิตจำสภาวะได้ สติสั่งให้เกิดไม่ได้ แต่วางเหตุไว้ได้เช่นพอยืนเดินนั่งนอน
ให้รู้ตัวไว้ อย่าเพ่ง รู้สบายสบาย เมื่อจิตจำได้ พอเดินสติมาทันที
สติต่อเนื่อง ตั้งมั่น รู้กายรู้ใจอย่างเป็นกลาง ไม่แทรกแซง คือสมาธิ
สมาธิ จะเป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา ปัญญาที่รู้ว่าทั้งร่างกายจิตใจเรานั้น มีลักษณะสามประการ
1.เปลี่ยนแปลงตลอด ร่างกายนั่งสบายเดี๋ยวเมื่อย เดี๋ยวสบาย เดี๋ยวเฉยๆ จิตใจคิด ใจลอย เผลอโกรธ โลภ หลง ทั้งวัน (อนิจจัง)
2. เป็นทุกข์ ร่างกายและจิตใจ ถูกกดดันให้เป็นทุกข์
3.บังคับร่างกายจิตใจไม่ได้ จะบังคับไม่ให้หิวไม่ได้ บังคับไม่ให้หลง ไม่ให้โกรธ ไม่ให้โลภ ไม่ได้
ทั้ง หมดนี้คือทุกข์ ในอริยสัจสี่ เอาเท่านี้ก่อนรายละเอียดไปหากันเองทีหลัง
ใคร ไม่เข้าใจไปทำทาน รักษาศีลก่อน ทำทานผ่านตู้บริจาค มีตังค์ให้ขอทาน ไม่ยากหรอกวัตถุประสงค์ของทานเพื่อกล้าที่จะให้เงินของเราไปมีประโยชน์แก่คน อื่น จิตเป็นกุศล ทำแล้วสบายใจ จบแล้ว
รักษาศีลห้าข้อยากไหมยากถ้าไม่โกหกเจ้านายลูกค้าสงสัยไม่รุ่งแน่ กินเหล้านิดหน่อยเพื่อสังคม ยากเปล่ายากนะ ศีลรักษาแล้วมีประโยชน์ ทำแล้วไม่ร้อนใจ ไม่ร้อนใจใจก็สงบ สงบนำมาความสุข สุขนำมาซึ่งสมาธิ(จิตที่ตั้งมั่น) จิตตั้งมั่นนำมาซึ่งความรู้ตามความจริง .........
เห็นเปล่าว่าทำอะไร ทำเพื่ออะไร ทำอย่างไร ระหว่างทำอย่าเผลอไปทำอย่างอื่น นี่ถึงจะมีปัญญา
อ่าน เล่นๆ อย่าเพิ่งเชื่อไปหาครูบาอาจารย์ หาพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าสอน อย่าเชื่อใครง่ายๆนะครับ
อย่าเชื่อต้องลองปฏิบัตเอง ดูผลเองว่าใช่ค่อยเชื่อ แล้วจะรู้จริงได้ด้วยตัวเอง
รัก ตัวเองไม่ผิด แต่อย่ารักมากไปจนกลายเป็น คุณเห็นแก่ตัว แล้ว คุณก็จะอยู่กับสังคมเลวเห็นแก่ตัว เห็นแต่ผลประโยชน์ คนที่เข้ามาเกี่ยวพันมันก็มาหาผลประโยชน์ตักตวงได้มันก็ไป
สุดท้าย.......คุณเหลืออะไร
ชอบครับ
ตอบลบ