พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือ “ใจ” เมื่อจิตใจดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดี ถ้าจิตใจไม่ดีแล้ว ถึงแม้จะร่ำรวยขนาดไหน มีลาภ ยศ สรรเสริญ ได้รับความรักจากพ่อแม่พี่น้อง ได้รับความรักจากสามีภรรยา จากใครอีกหลายคนก็ตาม แต่ถ้าเราไม่สบายใจ ทุกข์ใจ เสียใจ อย่างเดียวก็เสียทั้งหมด แม้ได้ในสิ่งที่ปรารถนาทุกอย่างก็ตาม แต่หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้
แต่มันก็ยากยิ่งหากเรายังอยู่ในวังวนกระแสของชีวิต การละทั้งที่ยังอยู่มันช่างยากเสียเหลือเกิน เมื่อตื่นเช้าลืมตาขึ้นมาก็มีแต่เหตุ ไหนจะออกไปเจอผู้คนที่เอาเปรียบหากเรานิ่งเฉยก้แทนที่จะเห้นใจกลับยิ่งทับถม วันทั้งวันมีแต่เรื่องรุกเร้าจิตใจ กว่าใจจะได้พักก็เหลือน้อยเพราะกายอ่อนแรง อาจจะพูดได้ง่ายว่าให้พยายามจับใจเราไว้ที่ถูกที่ดี แต่ในวัฎสงสารมันช่างทำได้ยาก หรือเราอาจจะมีกรรมตามมาทำให้ใจไม่สุขไม่สดใสดังแก้ว เจ้ากรรมนายเวรเอ่ย....สงสารฉันบ้างเถิด ชาติที่แล้วฉันก็ไม่รู้ได้ว่าไปทำอะไรไว้ หรือ มาเร่งเอาไปแต่เร็วเถิดไม่อยากเกิดเป็นคนเสียจริง
ที่จริง เราไม่อาจแยกพิจารณา
เพราะ ถ้าตัวตน คือ สรณะของความเป็นบุคคล
ตัวตน นั้นแหละ คือ อานิสงค์ปรากฏจริงของ พลวัตรการทำงานของกายและจิต
หลุมพรางของการวิเคราะห์หรือแยกส่วนคิด..คือ
ตรรกะอาจไม่ใช่สิ่งสะท้อนของจริง เพียงแต่มันมีกลไกของเหตุผลเท่านั้น
เพราะ ถ้าตัวตน คือ สรณะของความเป็นบุคคล
ตัวตน นั้นแหละ คือ อานิสงค์ปรากฏจริงของ พลวัตรการทำงานของกายและจิต
หลุมพรางของการวิเคราะห์หรือแยกส่วนคิด..คือ
ตรรกะอาจไม่ใช่สิ่งสะท้อนของจริง เพียงแต่มันมีกลไกของเหตุผลเท่านั้น