ชีวิตมีหลายสิ่งที่น่าสนใจ



love is the flower for which love is the honey : victor hugo

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ยิ่งมืดยิ่งเห็นดวงดาว.......และ ยิ่งเสียยิ่งได้



ยิ่งมืดยิ่งเห็นดวงดาว


ไม่มีใครเกิดมามีพร้อม ชีวิตโรยด้วยกุหลาบ
ไม่มีใครที่มีชีวิตที่ดี ที่แสนงดงามอย่างนั้น
ไม่มีใครฝืนโชคชะตา หลีกปัญหาที่ฟ้ามีคำสั่ง
ในชีวิตต้องมีสักครั้ง ต้องเจอกับอุปสรรคนานา

แค่ลุกขึ้นมา ลืมตาเผชิญทุกเรื่องไป
ให้ปัญหาคือความท้าทาย ไม่มีอะไรไม่คลี่คลาย

ยิ่งมืดยิ่งเห็นดวงดาว ส่องสกาวที่บนฟากฟ้าไกล
ยิ่งมืดเท่าไหร่ ยิ่งมองเห็นแสงดาวที่สดใส
เพิ่งจะได้รู้ บนฟ้ามืดดำ มีความงดงามซ่อนไว้
ที่แท้ความจริง ยิ่งมืดเท่าไหร่ ยิ่งเห็นดวงดาวเท่านั้น

สิ่งที่ฉันได้เคยเรียนรู้เคยเสียน้ำตามากมาย
ต้องเจอะเจอกับสิ่งเลวร้ายเมื่อต้องเสียใจต้องผิดหวัง
สิ่งที่เจอแม้จะหนักหนาและมืดมัวไปเสียทุกทุกอย่าง
แค่บอกตัวเองแหงนมองบนฟ้าทางออกยังมีให้เรามากมาย

แค่ลุกขึ้นมา ลืมตาเผชิญทุกเรื่องไป
ให้ปัญหาคือความท้าทาย ไม่มีอะไรไม่คลี่คลาย

ยิ่งมืดยิ่งเห็นดวงดาว ส่องสกาวที่บนฟากฟ้าไกล
ยิ่งมืดเท่าไหร่ ยิ่งมองเห็นแสงดาวที่สดใส
เพิ่งจะได้รู้ บนฟ้ามืดดำ มีความงดงามซ่อนไว้
ที่แท้ความจริง ยิ่งมืดเท่าไหร่ ยิ่งเห็นดวงดาวเท่านั้น
ชีวิตไม่ได้มืดไปทุกอย่าง ยังมีทางออกเสมอ


หลายคนกลัวที่จะเสียไป พอเสียไปบางทีก็ฟูมฟายไปเสียยกใหญ่ 
ตีอกชกหัวกันไปซะ 
คิดว่ามันเสียมันก็เสีย แบบยิ่งเสียกันไปอีกมากมาย
เสียใจ พอมากๆก็ไปเสียสตางค์กินเหล้าเมายา เสียสติ
เสียสติมากๆอาจจะไปเสียอย่างอื่น อาจจะถึงขั้นเสียชีวิต
คิดว่าเสียมันก็เสีย
แต่ลองคิดแบบดีๆเข้าข้างตัวเองบ้าง
ว่าไอ้ที่เสียไปมันอาจจะดีกว่า ว่าเราจะได้เจอสิ่งใหม่ๆที่มันยิ่งดีกว่า
บางทีลิขิตฟ้าเค้ามาช่วย ให้สิ่งไม่ดี มันพ้นผ่านไป ไม่งั้นมันจะยิ่งแย่
เพราะถ้าสิ่งที่เสียไปมันดีจริง มันคงไม่ทำให้เราเสียอย่างนี้ 
ค่อยๆออกมาจากที่มืด มาหาแสงใหม่กันเถอะ
แล้วจะรู้ว่าไอ้ที่คิดว่ามันเสีย จริงๆแล้วมันได้มากกว่าเสียอีก
ชีวิตก้าวเดินต่อไป สิ่งที่ผ่านล้วนเป็นสิ่งที่สอนตัวเรา
ว่าแต่ตอนนี้ ขอไฟฉายหน่อย มืดจังมีแค่เทียนเล่มน้อย กลัวดับจังเลย............


 แบบอยู่ให้สุขบนความทุกข์ของเราให้ได้  ไม่งั้นจะเสียชาติเกิด





วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แสงในความมืด คือ ธรรม

ในโลกของบุคคลทุกคน การจะเจอจะพบกับคนที่ถูกใจไปเสียหมดนั้นไม่มี
หากโชคดีพบคนดีย่อมจะเจริญในจิตใจ เราก็จะอาสาช่วยและนำพากันไปในสิ่งดี
หนทางดำเนินชีวิตก็จะสงบและสุข
แต่หากพบกับบุคคลที่เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว หรือคิดคดในใจกับเรา
มาต่อว่า นินทา ให้ร้ายทั้งต่อหน้า และ ลับหลัง
หลายๆคนค้นหาทางออกว่าจะจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไร
บ้างก็ตาต่อตาฟันต่อฟัน ให้รู้กันไปอย่างที่ฉันก็เกิดมาหนึ่งครั้งต้องไม่เสียทีใคร
ซึ่งบางปัญหานั้นก็อาจจะไม่จบอย่างสวยงาม หรือ อาจจะเกินเลยลุกลามใหญ่โต

ในทางธรรม พระพุทธเจ้าเคยถูกอักโกสกพราหมณ์ มาต่อว่าพระพุทธเจ้า
ว่าแย่งชิงลูกศิษย์ท่านไป พระพุทธเจ้าก็นั่งฟังอักโกสกพราหมณ์ต่อว่าจนจบ 
แล้วถามว่าหายเหนื่อยแล้วใช่ไหม
คราวนี้ก็ถามว่า ดูก่อนพราหมณ์ บุคคลที่มาเยือนถึงเคหาของท่านๆ
ย่อมนำเอาของเคี้ยวของฉัน ตลอดจนถึงน้ำท่ามาให้ท่าน
ถ้าท่านไม่กินไม่ใช้ ของเหล่านั้นจะตกแก่ใคร
อักโกสกพราหมณ์ก็บอกว่าย่อมเป็นของผู้ที่นำมาให้อยู่
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นั่นแหละที่ท่านมาด่ามาว่าเรา
ตถาคตไม่รับเสียอย่างแล้วจะตกอยู่กับใคร อักโกสกพราหมณ์ได้ฟังก็เลยได้คิด
ยอมกราบพระพุทธเจ้า และกล่าวว่า ดูก่อน พระสมณโคดม
ภาษิตของท่านแจ่มเจ้งยิ่งนัก เหมือนอย่างกับหงายของที่คว่ำขึ้นมา
เหมือนอย่างกับประทานแสงไฟให้ผู้ที่อยู่ในความมืดอย่างนี้ 
แล้วท่านก็ปฏิญาณตนถึงพระรัตนตรัย

การระงับใจ ระงับกายไม่ให้โกรธนั้นเป็นสิ่งที่ยากหากขาดสติ
ในบางกรณีในโลกความเป็นจริง เราเองก็อาจจะเผลอ
เพราะเรายังอยู่ในโลกียธรรม แต่ก็ให้ระลึกเสมอ หมั่นเตือนตัวเองบ่อยๆ
หงายใจตัวเองนั้นไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากไปจนเกิน
โลกียธรรมเป็นวิสัยของคนผู้ที่ไม่รู้  ไม่รู้ทิศทางออกนั่นเอง  
ไม่รู้ทางออกไปจากทุกข์
โลกุตรธรรมรู้จักทางออก ซึ่งอันนี้ก็ต้องค่อยๆศึกษากันต่อไป
คำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ นั้น  สอนให้เราประพฤติปฏิบัติ
 เพื่อทำลายความหลงผิด  ความหลงผิดที่เกิดขึ้นนั้น  ท่านว่าเป็นทุกข์ 
ทุกข์เพราะเรามีความโกรธ ทุกข์เพราะอาฆาต โกรธเขาเราก็ได้กลับมา
เขาโกรธเรา ว่าเรา ให้ร้ายเรา เราไม่รับเขาก็ได้ไป....เท่านั้นเอง อย่าไปรับเลย
มาลองหงายใจกันดู


ภาพประกอบถ่ายจาก มิวเซียมสยาม เมื่อคราวที่ได้ไปมา