ชีวิตมีหลายสิ่งที่น่าสนใจ



love is the flower for which love is the honey : victor hugo

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

พระฝรั่งศิษย์ "หลวงพ่อชา"


"พระราชสุเมธาจารย์" หรือพระฝรั่งศิษย์ "หลวงพ่อชา" ที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ "สุเมโธ" ผู้เป็น "พระสุปฏิปันโน"

พระสุเมโธ ท่านมีอายุร่วม ๘๐ ปี บวชมาแล้วร่วม ๕๐ พรรษา ร่างกายท่านสูงใหญ่เหมือนฝรั่งทั่วไป แต่เหนือกว่าฝรั่งทั่วไป คือท่านรู้แจ้งในอริยสัจจะ ในขณะที่ฝรั่งทั้งหลายยังเวียนว่ายคลำทางออก ผมกราบภายใต้รัศมีเมตตาบารมีจากรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้าของท่าน และด้วยธรรมอันเจริญดีแล้ว ทำให้วรรณะท่านผ่องใส ถ้าใครไม่ทราบว่าท่านวัยใกล้จะ ๘๐ ก็คงเดาว่าประมาณ ๖๐ ต้นๆ

ส่วนมากคนไทยเราซึมซับความเป็น "พระสุเมโธ" กันเพียงว่า "เป็นพระฝรั่ง" ศิษย์หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี น้อยคนที่จะรู้ว่าท่านเป็นนักรบธรรมร่วมกับหลวงปู่ชา นำธงธรรมจักรไปลงหลักปักฐานในต่างแดน และเมื่อสิ้นหลวงปู่ชา ท่านสุเมโธก็รับหน้าที่ "จอมทัพธรรม" นำต่อ

ถึง ณ วันนี้ คำสอนพระพุทธศาสนาชนิด "แก่นแท้แห่งธรรม" กำลังขจรขจายกลายเป็นประทีป "บอกทางชีวิตใหม่" ให้ชาวต่างชาติ-ต่างภาษา เป็นที่ตื่นตา-ตื่นใจด้วยศรัทธาในสัจธรรมกันกว้างขวางยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

พระราชสุเมธาจารย์ หรือท่านสุเมโธพระฝรั่งรูปนี้แหละครับ คือกำลังสำคัญในการนำพระพุทธศาสนาไปตั้งมั่นอยู่ในสหรัฐและยุโรปขณะนี้ และนับวัน "วัด" ในพระพุทธศาสนาเบ่งบานขึ้นหลายต่อหลายแห่งตามแรงศรัทธาของคนต่างชาติ-ต่าง ภาษา ผู้แสวงหาจนพบแล้วว่า

พุทธศาสนาคือ "กุญแจไขปัญหาชีวิต" อันไร้ทางออกของเขาทั้งหลาย!

คนยุโรป คนอเมริกาเดี๋ยวนี้ รู้จักมหาสติปัฏฐาน รู้จักอาณาปานสติ รู้จักบริกรรมภาวนา รู้จักลด-ละ-เลิกชนิดเคร่งครัดกว่าคนพุทธในประเทศไทย ซึ่งเดี๋ยวนี้คนไทยบางส่วนมีพระไว้ในความหมายสำหรับใช้ประกอบพิธีกรรม เงินถึงพระ แต่ใจไม่ถึงธรรม แบบนี้ก็ไม่แน่นะครับว่า ในอนาคต.....

ความเป็น "ประเทศไทย-ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา" อาจต้องย้ายไปอยู่แถวๆ ยุโรปก็เป็นได้!?

พระฝรั่งสุเมโธ ที่กลายเป็น "หลวงพ่อสุเมโธ" ของคนไทยวันนี้ ท่านเคยตอบญาติโยมที่นมัสการถามท่านเกี่ยวกับอนาคตของพระพุทธศาสนาในโลก ตะวันตกไว้ว่า

"เรามีความคิดว่า ต่อไปคำสอนของพระพุทธเจ้าจะมีประโยชน์ช่วยชาวตะวันตกมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ในประเทศอังกฤษ หรือทางยุโรป อเมริกา คนชาวตะวันตกมีศรัทธา มีความสนใจเรื่องการปฏิบัติ ความทุกข์ก็มีอยู่ เป็นเรื่องความคิด ความเห็นของชาวตะวันตกที่ไม่มีทางที่จะพ้นได้ เดี๋ยวนี้ปัญญาชนทางตะวันตกก็เห็นประโยชน์ที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระ พุทธเจ้า หลวงพ่อชาเป็นอาจารย์ที่เลิศ ที่แนะนำทางที่เป็น practical เป็นสิ่งที่จะทำได้ จะอยู่ในลักษณะเป็นฆราวาสก็ได้ หรือมีโอกาสได้บวชเป็นพระเป็นเณร เป็นแม่ชีก็ได้ เพื่อจะถวายชีวิต เพื่อจะรักษาจิตตลอด ตามระเบียบและประเพณีทางพระพุทธศาสนาที่เอามาจากเมืองไทย หลวงพ่อชาส่งอาตมาเองมาเมืองอังกฤษนี่ เพื่อจะสร้างประโยชน์ ช่วยเหลือคนที่มีศรัทธาที่จะมาฟังเทศน์ฟังธรรม และปฏิบัติตามด้วย นี่ก็เป็นโอกาสดีที่เมืองไทยส่งพระฝรั่งออกจากเมืองไทย มีปัญญาพอสมควรที่จะออกไปได้ เพื่อที่จะเผยแผ่ศาสนาทางยุโรป ทางอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จนถึงทั่วโลก"

กับที่มีคนนมัสการถามถึงประเด็นเมืองไทย ท่านสุเมโธซึ่งเป็นชาวอเมริกัน อดีตเป็นทหารในสงคราม เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเป็นผู้นำธงธรรมจักรสู่ต่างแดนตอบไว้ตอนหนึ่งว่า

"ขอให้คนไทยพิจารณาในสิ่งที่ดี สิ่งที่สำคัญในชีวิต ในการเป็นมนุษย์ ในการเป็นคนไทย ทุกวันนี้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงอย่างไร บางทีรัฐบาลก็เปลี่ยนอย่างที่เราชอบ อยากให้มันเป็น แล้วอีกไม่นานมันก็เปลี่ยนอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่ชอบ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น นี้ก็เป็นเรื่องโลกียธรรมที่เราไม่มีความสามารถจะบังคับตามความต้องการของ เรา แต่สิ่งที่ใช้ได้ทุกๆ เวลา ทุกๆ ขณะจิต คือให้มีสติอยู่ รู้ตัว รู้ทางพ้นทุกข์ แสดงความเคารพอย่างสูงถวายในหลวง ทุกวันนี้ท่านก็เป็นในหลวงที่ดี ที่รักษาพระองค์ รักษาจิตของท่านเอง ให้เป็นในหลวงที่ดีที่สุด ที่จะนำทางดี ทางโลกียธรรม ทางปฏิบัติด้วย เพื่อจะพ้นทุกข์ได้ คนไทยมีโชคดีที่มีหัวหน้าอย่างนี้ ในหลวงที่มีทศพิธราชธรรม ที่ท่านพยายามรักษาให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนในเมืองไทย ทุกวันนี้ท่านมีอายุมากแล้ว ขอให้ในหลวงทรงพระเจริญต่อไป อยู่นานๆ เพื่อจะเป็นแรงดลใจของชาวไทยต่อไป เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร...."

บางท่านอาจอยากถาม ที่ว่าพระพุทธศาสนาแผ่กว้างไปในยุโรป สหรัฐนั้น มีที่ไหนบ้าง เอาที่ท่านสุเมโธตอบไว้นะครับ ที่อังกฤษมีวัดใหญ่ ๔ แห่ง วัดอมราวดี ทางตอนเหนือกรุงลอนดอน วัดป่าจิตตวิเวก ใกล้ลอนดอน มีวิหารอยู่ทางเหนือชายแดนสกอตแลนด์ แล้วก็มีวิหารในอังกฤษ ในสกอตแลนด์ ในเวลส์ ในฝรั่งเศส โปรตุเกส มีสาขาอยู่ในอิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงวัดที่นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ สหรัฐที่แคลิฟอร์เนีย ซานฟราสซิสโก กระทั่งออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

ท่านสุเมโธเล่าไว้ถึงสาขาในอิตาลีว่า "อาจารย์ปรีชาก็อยู่ อาจารย์ฉันทปาโลเป็นลูกศิษย์อาตมา เป็นเจ้าอาวาสที่นั่น อิตาลีเป็นประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิกมาก สันตะปาปาอยู่ที่นั่น เราก็สงสัยว่าอยู่เป็นชาวพุทธในอิตาลีคงจะลำบากนะ กลัวโรมันคาทอลิกมาก แต่ก็อยู่ได้ คนอิตาลีกำลังจะสนใจ สิ่งที่จับใจชาวอิตาลีคือการปฏิบัติทางจิตใจ นี่สำคัญมาก

ทุกวันนี้คนยุโรปไม่ยอมเชื่อง่ายๆ นะ ต้องพิสูจน์ มีหนทางที่จะพิสูจน์ที่จะเข้าใจชีวิตมนุษย์เป็นอย่างไร ความทุกข์มันเกิดจากอะไร เราก็เป็นประเทศที่รวยแล้ว จะเป็นทุกข์อยู่ทำไม เพราะเหตุอะไร บางคนชี้ไปถึงรัฐบาลก็ได้ ให้ดูอารมณ์ ดูจิต เพื่อจะได้เห็นความทุกข์ เป็นเรื่องความคิด ความเห็น ยึดมั่นถือมั่น...."

ครับ...ตั้งแต่เปลี่ยนศักราชใหม่-ปีใหม่ ท่านอาจสังเกตว่าผมจะ "หนักไปทางพระ-ทางวัด" ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ แต่ "ไปเอง" อย่างไรก็ไม่ทราบ บ้านเรา-คือเมืองไทยอยู่ระหว่างการเดินทางไปสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในรอบ ๒ ศตวรรษครึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ผมเห็นนิมิตดีสู่อนาคตที่ดี

อย่าเอาเหตุการณ์ปัจจุวันนี้เป็น "ตัวตั้ง" อนาคตใหม่เลยครับ เพราะอนาคตไทยเป็นอนาคตยิ่งใหญ่-สดใส เพราะจะไม่มีเชื้อร้าย "มารประเทศ-มารสถาบัน" เหลือปะปนแน่นอน!

คนไทย โดยเฉพาะวัยรุ่นขณะนี้ ปีใหม่-เทศกาลใหม่ "หันหน้าเข้าวัด" กันหลามไหล เจ้าตัวแต่ละคนก็คงตอบไม่ถูกเหมือนกันว่า "เพราะอะไร?" แต่ทราบไว้เถอะครับว่า นั่นเพราะจิตประเภท Supur Subconscious มันกระตุ้นเตือนผู้มีเชื้อกุศลกรรมเก่าให้เข้าหา "ที่พึ่งประเสริฐ" เป็นภูมิคุ้มกันภัยที่จะกรายมาถึงในอนาคตอันใกล้ เพียงแต่ตัวเองไม่รู้

เหมือนมดคาบไข่หนีขึ้นที่สูง เหมือนวาฬที่เห็นยกฝูง "หลงทะเล" เกยหาด ความจริงปลาไม่มีหลง แต่เพราะสัญชาตญาณรับรู้ภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำแข็งขั้วโลกละลาย อากาศจะร้อน-หนาวมหาวิบัติ ทำให้ว่ายเบี่ยงทิศหนีภัย แต่สัตว์มีเพียงชีวิต ไม่มีวิญญาณคือการรับรู้ด้วยสติ จึงเพ่นพ่านเกยตื้น

ฉะนั้น ในความสับสนทิศทาง เราเป็นคน ทำอย่างที่ท่านสุเมโธบอก คือ "มีสติทุกขณะจิต" แล้วทางออกจะเปิดอ้าให้เห็นเอง!

หลายท่านอาจทราบแต่เพียงว่า "ที่อังกฤษมีวัดไทยชื่ออมราวดี" ผมจะนำประวัติย่อๆ จากหนังสือ "สู่เมธาธรรม-พระราชสุเมธาจารย์" ที่หลวงพ่อสุเมโธตอบไว้กับญาติโยม ๒-๓ ปีก่อนมาให้ท่านได้รู้จักมากขึ้น ดังนี้

"วัดอมราวดีเป็นศูนย์กลางการศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทจากประเทศไทย ก่อตั้งปี ๒๕๒๗ ทางตอนเหนือกรุงลอนดอน มีชาวต่างชาติจากประเทศต่างๆ แทบทุกทวีปมาศึกษาและปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงสร้างพระอุโบสถขึ้นเพื่อใช้ประกอบศาสนกิจ" สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จทรงเป็นประธานในพิธีผูกพัทธสีมาและฉลองพระอุโบสถเมื่อ ๔ ก.ค.๔๒

โบสถ์วัดอมราวดีนี้ แบบเป็นสถาปัตยกรรมรูปทรงสมัยใหม่ ประยุกต์ศิลปะไทยและศิลปะตะวันตก จุคนได้ประมาณ ๔๐๐ หลังคาโบสถ์ทรงยอดแหลม ส่วนยอดเป็นทองคำ ทำโดยช่างไทย "คุณแม่วาณี ล่ำซำ" เป็นผู้บริจาคค่าใช้จ่าย รอบอุโบสถที่เป็นบานกระจกแกะสลักภาพพุทธประวัติ "แม่ชีเรณู โอสถานุเคราะห์" เป็นผู้ออกแบบ

"ตลอดเวลาที่มาเผยแผ่ศาสนาพุทธในประเทศนี้ พวกเราได้รับความช่วยเหลืออย่างดีทั้งคนอังกฤษและกลุ่มคนไทย เคยมีเศรษฐีท่านหนึ่งเป็นคนอังกฤษ อายุมากแล้ว หลังจากเสียชีวิตก็ได้มอบมรดกไว้เป็นของวัดชิตเฮิร์สต์....ท่านเจ้าคุณปัญญา นันทภิกขุก็เคยช่วยเหลือหลายครั้ง ท่านมาเยี่ยมวัดเราแทบทุกปี เมื่อท่านกลับเมืองไทยก็มักจะไปเล่าเรื่องความคืบหน้าต่างๆ ของวัดชิตเฮิร์สต์

คนไทยที่นี่ก็ให้ความสนใจและช่วยเหลือกิจการของวัดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะคุณวาณี ล่ำซำ เป็นผู้ที่มีจิตใจเป็นพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง ให้ความอุปถัมภ์บำรุงในการก่อสร้างวัดอมราวดีจนเกือบจะสมบูรณ์ในไม่ช้า ได้ช่วยเหลือทุ่มเทให้มาตั้งแต่วัดชิตเฮิร์สต์ (วัดป่าจิตตวิเวก) แม้แต่หนังสือธรรมะสิ่งพิมพ์ต่างๆ ก็ได้รับความอุปการะจัดพิมพ์ไม่เคยขาด"

ขณะที่ในประเทศเรากำลังเบื่อ "อลัชชีในคราบพระ" แต่นอกประเทศ เขากำลังตื่นตัวศรัทธาด้วยเข้าถึง "พระสุปฏิปันโน" พระพุทธศาสนาเหี่ยวเฉาในตะวันออก แต่กำลังไปเบ่งบานในตะวันตก โดยเฉพาะที่อังกฤษ แต่น่าดีใจ วัดไทยสำเร็จได้ด้วยเงินบุญ-เงินบริสุทธิ์ เหตุนี้ "คนเสนียดจัญไร" จึงอยู่ใกล้พระ-ใกล้พุทธทั้งในอังกฤษและในไทยไม่ได้
ศาสนาจรรโลงโลกสามไว้ ไม่มีชาติเชื้อหรือสีผิว ขอเพียงใจน้อมรับในคำสอน ก็จะพาใจให้ไกลทุกข์
บางช่วงบางตอนจากคุณเปลวสีเงิน ขออณุญาตเผยแพร่ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

หมายเหตุ
พระราชสุเมธาจารย์ (โรเบิร์ต สุเมโธ) เกิดในเมืองซีแอตเติ้ล มลรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1934 (พ.ศ. 2477) เมื่อสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ท่านได้เข้ารับราชการในกองทัพเรือแห่งสหรัฐอเมริกา ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และได้เข้าร่วมปฏิบัติการในสงครามเกาหลี เมื่อออกจากราชการท่านก็ได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญ าโท ในสาขาวิชาเอเชียใต้ศึกษา (South Asian Studies) มหาวิทยาลัย แห่งแคลิฟอร์เนีย (เบิร์กเลย์) ในปี 1963 (พ.ศ. 2506) หลังจากนั้นได้ร่วมงานเป็นระยะเวลาสั้นๆ กับสภากาชาดอเมริกัน ก็ได้เดินทางไปยังแถบตะวันออกไกล และทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ กับหน่วยสันติภาพ (Peace Corp) ซาบาห์ บนเกาะบอร์เนียว

ด้วยความที่ท่านสนใจในพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ท่านได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี 1966 (พ.ศ. 2509) เพื่อหาทางเข้าสู่ชีวิตอนาคาริก (ผู้ไม่ครองเรือน) ท่านได้บวชเป็นสามเณรที่จังหวัดหนองคาย และอุปสมบทเป็นพระภิกษุในอีกหนึ่งปีต่อมา โดยมีท่านเจ้าคุณพระราชปรีชาญานมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่ช้านานหลังจากที่ท่านได้บวชเป็นพระภิกษุ ปี พ.ศ. 2510 ท่านอาจารย์สุเมโธ (ศิษย์ชาวต่างประเทศรูปแรก) ได้ยินกิติศัพท์ความเคร่งครัดในข้อวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อ จึงกราบลาพระอุปัชฌาย์ของท่านที่จังหวัดหนองคาย เดินทางมาฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อ ท่านได้เมตตารับไว้ แต่ตั้งเงื่อนไขว่า

“ท่านจะมาอยู่กับผมก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าผมจะไม่หาอะไรมาบำรุงท่านให้ได้ตามอยาก ท่านต้องทำตามระเบียบข้อวัตรเหมือนที่พระเณรไทยเขาทำ ”

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

Book of life

skip to main. | skip to sidebar.


Book of life. The fitting with the content and recommendations very interesting.
Both simple and straightforward, who will make time, no time, as privacy, not forced tightly together, do not blame each other, but if the commitment to do to their lives,. It is also considered appropriate to encourage support for each other extremely.


The formula that is easy like this.

1. Drink more water.

2. Eat breakfast like a King, lunch like a prince, and when the dinner, the drawing itself that is just begging. (Translate that consume the most severe in the morning, and other mid-noon and evening was falling, act as a pauper, nothing to eat ... health is a really pretty fairy Bank??
ะ).
3. Eat food grown on soil and on early, try to avoid foods made from plants.

4. To live on principles.
3 E.... That is. energy. Or power,. enthusiasm. Or mine and very very hastily. empathy. Is be considerate to our best.
5. A meditation or prayer time, always.

6. Fun and games lose some, not strung together all players.

7. ... Read more targets this year will see more than a year ago.

8. Sit quietly with myself a day.
10 Minutes to have.
9. Sleep per day.
7 Hours.
10. Walking a day.
10 To. 30 Minutes, whichever is convenient, not to be nervous about it, do not walk on, is not edgy about it.
11. The walk, do not forget to smile.


This is a story about a healthy mind and garble each other always, if made regularly, life will be bright, but do not make yourself nervous by guilty if a day does not end as. Timing of their place.

Do not have today, tomorrow they can do.


But not too serious about themselves do not mean to procrastinate, which is different on each.



Formula on its own personality that should be coupled with healthy recipes with this.


1. Do not compare yourself with the life of others. You do not see people you jealous that he is suffering more than you how.

2. Do not think negatively about you set the controls or not. Instead of looking the world in terms of terrorism, they are dedicated to energy and positive thoughts on the current waste.

3. Do not do anything beyond itself ... do know their own limits where.

4. Not serious players themselves. Others because they are not serious with you much
หรอก.
5. Do not waste valuable time and energy to your issues or punctilious about gossip. .... Unless it will cause you to seriously relax.

6. So dream when awake than when asleep.

7. Feel envy is pointlessly year time li ... think that any good will know that you have everything you need already.

8. Forget about the past conflict free. And not remind your spouse about your past mistakes in the other party all because it will destroy your happiness today.

9. Life is too short to be angry, we do not hate anyone ... hate people.

10. Announce cease fighting to the end of the past, will not destroy your current.

11. No one made you happy but your own.

12. But understand that life is a bad school. You come to learn. And the problem is only part of the course, which then disappeared ... like challenge courses. Algebra ... but what are you learning about your life.

13. But smile and laugh more.

14. You do not need to win every time they discuss discuss with others
หรอก ... sometimes recognized. We see different ... agreed to see the damage, but have not seen how.

Already.Our attitude should be how the community and people around us?.?

1. Do not forget to call the other family often.

2. But something good to other people every day.

3. So forgive everyone for everything.

4. So for the time with people over age.
70 And lower. 6 Years.
5. Try to make at least.
3 People smile every day.
6. People think he is not with you on your little bit.

7. You do not care of you when you
หรอก patients. But family and friends tell you to separate your care in the event you have health problems, so, not remotely close to the people feared.

And.If you can live to be meaningful, it should do the following.

1. What to do.

2. What is not useful, not pretty, not pleasant, but left.
To be kept ... why.?
3. Time and the Lord would keep the wound at all.

4. Not that the situation is good or bad no matter how, moment it changed.

5. No matter how you feel in the morning every day, but hell.
From bed, dress and appear a need?? Page who we work. With ...get up, dress up and show up.
6. All the best to not to.

7. If you also have revived the morning, do not forget to thank God.
Or sacred to be with you accordingly.
8. believe that the deep in your heart is happy.
Always ... Therefore, the outside of your sorrow How sad to tell.?

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553


ตำราแห่งชีวิต ซึ่งเหมาะเจาะกับเนื้อหาและคำแนะนำที่น่าสนใจยิ่ง
ทั้ง ง่ายและตรงไปตรงมา, ใครจะทำก็ได้, ไม่ทำก็ได้, เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล, ไม่บังคับยัดเยียดกัน, ไม่ต่อว่าต่อขานกัน, แต่ถ้าหากมีความมุ่งมั่นจะทำอะไรให้กับชีวิตของตนเอง, ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าส่งเสริมสนับสนุนสมควรจะให้กำลังใจแก่กันและกันอย่าง ยิ่ง


สูตรที่ว่านี้มีง่าย ๆ อย่างนี้

๑. ดื่มน้ำให้มาก

๒. กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึงอาหารเย็น, ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลาง ๆ ตอนเที่ยงและตกเย็นแล้ว, ทำตัวเป็นยาจก, ไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแห??ะ)

๓. กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน

๔. ใช้ชีวิตบนหลักการ
3 E...นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้น และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ
๕. หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ

๖. เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย

๗. อ่านหนังสือให้มากขึ้น...ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา

๘. นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ
10 นาทีให้ได้
๙. นอนวันละ
7 ชั่วโมง
๑๐.เดินสักวันละ
10 ถึง 30 นาที, แล้วแต่จะสะดวก, ไม่ต้องเครียดกับมัน, วันไหนไม่ได้เดิน, ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน
๑๑.ระหว่างเดิน, อย่าลืมยิ้ม


นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ, หากทำเป็นกิจวัตร, ชีวิตก็จะแจ่มใส, แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วาง กำหนดเวลาของตนเอาไว้


วันนี้ทำไม่ได้, พรุ่งนี้ทำก็ได

แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่ง, ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน



สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้

๑. อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง

๒. อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย

๓. อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน

๔. อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก

๕. อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง

๖. จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ

๗. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว

๘. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่ง เลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ

๙. ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น

๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ

๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง

๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชา พีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต

๑๓. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น

๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่า เราเห็นแตกต่างกันได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร


แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?

๑. อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ

๒. จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน

๓. จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง

๔. จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน
70 และต่ำกว่า 6 ขวบ
๕. พยายามทำให้อย่างน้อย
3 คนยิ้มได้ทุกวัน
๖. คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสัก หน่อย

๗. งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้น, อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด


และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้, ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้

๑. ทำสิ่งที่ควรทำ

๒. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์, จงทิ้ง
ไปเสีย...เก็บไว้ทำไม?
๓. เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้

๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน

๕. ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุก
จากเตียง, แต่งตัวและปรากฎตัวต่??หน้าคนที่เราร่วมงาน ด้วย...get up, dress up and show up.
๖. สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง

๗. ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า
หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
๘. เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุข
เสมอ...ดังนั้น, ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

คิดมาก


คิดมาก

"บางทีเราคิดจนลืมว่า ชีวิตคนเรา..ความจริงมันไม่ยืนยาวสักเท่าไหน"
ใช่บางทีก็ลืมนะ
หลงคิดไปเสียใหญ่ และ กลัวนั่นนี้ไปหมด
แล้วมันได้อะไร
ก็มีสองด้านสองทาง
สองด้านที่ว่าก็คือทั้งได้เรื่องและไม่ได้เรื่อง
สองทางก็คือกับเขาหรือกับเรา
เพราะบางทีถ้าไม่คิดเสียเลยมันก็ไม่ได้นะ
แปลกมั้ยที่บางที่มันก็ผ่านๆไปแบบไม่ต้องคิด
ง่ายดี
แต่บางทีคิดยังไงก็หาทางไม่มี



ความพอดี



สิ่งที่ทำให้เรา ขาดการตั้งระดับความพอดี ให้มีความมั่นคง
นั่นก็คือ ความคาดหวัง
การคาดหวังว่าจะได้รับในสิ่งที่เกินความพอดีกว่าการให้ของผู้ให้
ทำให้เราไม่เจอความพอดี
ลองวาดภาพความพอดี ที่จะได้รับในระดับที่เป็นจริง

ถ้าหากได้รับน้อยกว่าที่หวังไว้ ก็ถือว่า เราได้รับความพอดี ของอีกคนหนึ่ง

ถ้าได้รับเท่ากับที่หวังไว้ ก็ถือว่า เราได้รับสิ่งที่เราต้องการ

ถ้าได้รับมากกว่าที่หวังไว้ ก็ถือว่า เราได้รับกำไรจากสิ่งที่เราหวัง

แต่เราจะคิดอย่างนี้ได้ทุกยามก็คงจะพอช่วยในการหาความพอดีได้
แต่ถ้าเรารู้พอดีแต่คนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเราไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้

แล้วความไม่รู้ของพวกเขามากระทบกับเราล่ะ

เราก็จะเริ่มไม่พอดีบ้างทั้งใจ
แล้วถ้าจิตใจที่อ่อนแอนำพาเราไปจากความพอดี
แล้วจะต่างอะไรเล่า

ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง
หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้าง! ค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน
พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
วันที่ 18 ธันวาคม 2540

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

กระดาษแผ่นเดียว


สมมุติว่าคุณหรือใครมีกระดาษสักหนึ่งแผ่น เคยคิดมั้ยว่าคุณจะใช้มันยังไง หรือ ว่าใช้ประโยชน์อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด ผมคิดว่ามีหลายหลากวิธีที่สามารถทำได้ แล้วแต่มุมมอง หรือ สิ่งที่คุณอยู่ในเวลานั้นหมายถึงสถานภาพโดยรวมของคุณ แต่ก็อาจจะมีอีกหลายคนไม่สนใจ ปล่อยไปแบบถือว่าเป็นสิ่งเล็กน้อย ไม่มีสาระ
อัน นั้นก็แล้วแต่ ในฐานะคนช่างคิดผมนั่งว่างๆมองไปรอบๆผมเชื่อถ้าเราจะหาสาระจากทุกสิ่งที่ อยู่รอบๆเราก็จะพบ ถึงแม้มันอาจจะเป็นสิ่งที่เล็กน้อยของใครบางคน ยกตัวอย่างถึงเรื่องกระดาษแผ่นนี้ ถ้าจะหาสาระจากมัน คุณลองย้อนไปถึงต้นกำเนิด กระบวนการผลิต หรือ มองหาสาระจากสิ่งที่ปรากฎอยู่บนตัวมัน สาระจากถุงกล้วยแขก นึกต่อไปอีกถึงวิธีการทำทั้งกล้วยแขกและการทำถุงกระดาษ นึกถึงจะเป็นอะไรมั้ยที่เรากินกล้วยแขกที่มีหมึกพิมพ์ละลายอยู่ ทั้งๆที่เราเองก็กินอย่างอื่นไม่เลือกอยู่แล้ว นึกไปถึงถ้าเราใช้พวกมันแล้วพวกมันจะไปไหน รีไซเคิล คำๆนี้ใช้กับทุกๆสิ่งเพื่อรักษาโลกของเรา เจ้ากระดาษเองก็ด้วย มีทั้งแบบเอาไปผ่านกระบวนการนำมาใช้ใหม่ หรือ เอามันไปเพิ่มคุณค่าแม้มันจะผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนอันนี้ที่จะกล่าวถึง คือ สามารถนำไปใช้เพื่อการศึกษาของผู้พิการทางสายตา สามารถนำไปทำหนังสือ เอกสารที่ใช้ประกอบการศึกษาของพวกเขาได้ เพราะเขาจะเอากระดาษเหล่านี้ไปทำ หนังสืออักษรเบลล์ ถึงกระดาษจะมีสีดำสนิท เลอะเทอะแบบน่าเขกกะโหลกคนทำเลอะ แต่พวกเขาก็อ่านได้ เพียงแค่พวกเราๆท่านๆส่งกระดาษเหลือใช้เหล่านั้นไปยัง มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ แค่นั้น เราก็สามารถเพิ่มประชากรที่มีความรู้แม้พิการทางสายตาได้ แม้จะไม่ได้ช่วยให้พวกเขามองเห็น แต่ ก็ช่วยให้พวกเขาอ่านออก เขียนได้ ทำงานด้วยตัวเองได้ จะเห็นได้ว่าถึงจะเป็นสิ่งที่เล็กน้อยหากเราพิจารณาดีๆลองหยั่งเข้าไปหามอง ข้อดีข้อด้อย แตกกระจายความคิดไปถึงสิ่งที่เกี่ยวข้อง เราจะได้แง่คิดที่กว้างออกไป อีกทั้งถ้าเรานำไปประมวลกับความรอบข้างเราก็จะยิ่งได้องค์ความรู้ที่มหาศาล นี่เป็นหลักของการคิดสร้างสรรค์ ที่เป็นทางที่เราใช้พัฒนาความคิด เราใช้ทางสายเดิมๆมาต่อยอดเพื่อเกิดแนวความคิดใหม่ๆต่อไป ที่นี่ถ้าคุณได้เข้ามาอ่านบทความนี้ลองแสดงความคิดเล่นๆดูว่าถ้าคุณมีกระดาษ หนึ่งแผ่นคุณจะเอามันไปทำอะไร ลองดูนะครับ

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

เวลา



วันนี้เหลืออะไรบ้าง.....นั่งถามตัวเองอีกครั้งหลังจากที่ผาดโผนมานาน
วันก่อนๆไม่เคยมองสิ่งที่พอมีพอได้หรือเราเสียกับได้อะไรมากกว่า
เพราะอะไรเราเองก็ไม่รู้.........หรือเพราะเรายังคิดด้วยวัยที่เยาว์
เรามองไม่เห็นเรายังอยู่บนทางที่มีให้เราเลือกอีกมากเราไปด้วยฝัน
ฝันที่มีทั้งฝันลวงและฝันที่เราสร้างแบบที่เราไม่แคร์สังคมหรือใคร
เวลาของเราในวันนั้นมันช่างเหลือเหลือเสียเหลือเกินเราปล่อยมัน
คนที่ผ่านเข้ามามันช่างรวดเร็วจนเราเก็บรายละเอียดไว้แทบไม่ทัน
เราหลงลืมบางอย่างไปแบบเสียไม่ได้ในวันนั้นนั้นที่เราลืมหรือแกล้ง


ความจริงเรื่องวันเวลาไม่มีเก่า-ไม่มี ใหม่ในตัวมันเอง ความเก่า-ความใหม่ เกิดจากคนสมมติขึ้นมา เราทุกคนควรที่จะ ทบทวนความหลัง ระวังความผิด เตือนจิตของตน อดทนอดกลั้น มุ่งมั่นพัฒนา เพื่อนำพาชีวิตให้พ้นจากขวากหนามแห่งความผิดพลาดเสื่อมเสีย แล้วท่านจะพบกับความสุขความเจริญในชีวิตแน่นอน และสิ่งสำคัญ ต้องยอมรับฟังความคิดเห็น-คำติชมของผู้อื่นนั่นแหละเป็นกระจกส่องดูตัวเรา อย่างดีที่สุด.....

Don’t wait for what you want to come to you.
Go after it with all that you are, knowing that life will meet you halfway.
อย่ามัวแต่คอยให้โชคชะตานำอะไรมาให้
ต้องลุกขึ้นสู้ และพยายามไปให้ถึงเส้นชัยด้วยตัวคุณเอง
รวมทั้งอย่ารอคอยให้ใครมารัก ถ้าคุณไม่เริ่มต้นที่จะรักก่อน
Don’t feel like you’ve lost, when plans and dreams fall short of your hopes.
Anytime you learn something new about yourself or about life,
You have progressed.
และหากพบอุปสรรคขวากหนาม อย่าเพิ่งท้อถอย
จงเรียนรู้จากมัน เรียนรู้ว่าคนเราผิดพลาดกันได้
เรียนรู้ถึงการพลัดพราก เรียนรู้ถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอน
การเรียนรู้นั้นถือเป็นก้าวหนึ่งของความสำเร็จข้างหน้า
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อที่พรุ่งนี้ จะได้ไม่เสียใจกับอดีตที่ผ่านมา
ดังคำพูดที่ว่า
“อย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่า จงคิดว่าทุกๆวันที่ผ่านพ้นไป คือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา”